วันนี้ 10prices.com จะมาจัดอันดับ 10 มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2021 จะมีรุ่นไหนน่าใช้ น่าซื้อกันบ้าง ตามมาได้เลย
อันดับที่ 10
Vivo Y15s
Vivo Y15s สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ขนาด 6.51 นิ้ว ให้จอแสดงผลแบบ IPS-LCD 24 bit แสดงได้ 16 ล้านสี เป็นหน้าจอหยดน้ำ (Waterdrop Display) ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล
ด้านวัสดุให้มาเป็กรอบพลาสติด หน้าจอกระจกแข็ง มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอยลายนิ้วมือ (Fingerprint), เซ็นเซอร์ตรวจจับการหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer), เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมิติ (Ambient light), เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Accelerometer), มีระบบเปิด-ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity), เซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscpe) และเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ (Orientation)
สำหรับสีของตัวเครื่อง Vivo Y15s มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีดำ (Black) และสีเขียว (Green)
เครือข่ายที่รองรับได้ตั้งแต่ 3G, 4G รองรับ 2 ซิมการ์ด รุ่นนี้ไม่รองรับ 5G นะ
ระบบปฏิบัติการที่รองรับคือ Funtouch OS 11.1 based on Android 11 (Go edition)
สำหรับ CPU หรือชิปเซตให้มาเป็น Mediatek Helio P35 Octa Core ให้ความเร็วสูดสุด 2.3GHz ให้หน่วยประมวลผลกราฟฟิก (GPU) เป็น PowerVR GE8320
ให้หน่วยความจำ RAM 3GB, ROM 32GB สามารถเพิ่ม MicroSD การ์ดได้สูงสุด 1TB
นอกจากนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, USB Micro 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรง (USB On The GO) และยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Vivo Y15s ให้กล้องหลัง 13MP + 2MP (Depth) รูรับแสงขนาด f/2.2 ส่วนกล้องหน้าให้มา 8MP รูรับแสงขนาด f/2.0
รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 10W (Fast Charging)
ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ราคา 4,999 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 9
Realme Narzo 50i
สำหรับ RealMe Narzo 50i ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า RealMe Narzo 50i ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือกันน้ำ ตัวนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก เพราะรุ่นนี้กันน้ำได้ชั่วคราวเท่านั้น หากเปียกต้องรีบเช็ดหรือเป่าให้แห้งไม่งั้นอาจทำให้พังได้
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีเขียว มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
RealMe Narzo 50i มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Realme UI 2.0 based on Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Unisoc SC9863A Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 1.6GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น IMG8322 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 2/4 GB และให้ ROM 32/64GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 256GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 4.2, USB Micro 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง RealMe Narzo 50i ให้กล้องหลังมา 8MP กล้องหน้า 5MP ถือให้มาเหมาะสมกับราคา หากใครอยากได้กล้องเทพๆกว่านี้ คงต้องขยับราคาเพิ่มอีกนิด
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh ไม่มีระบบชาร์จเร็ว
สำหรับใครที่ไม่ได้มองมือถือที่สเปคแรงมาก แค่อยากเอาไว้ใช้งานทั่วๆไปหรือเอาไว้แค่โทรเข้าโทรออก เล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ สเปคแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ราคา 3,999 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 8
Infinix Smart 6
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่น Infinix Smart 6 ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 25 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมาและได้ทำการเปิดวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย มาดูกันว่ารุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
เริ่มที่หน้าจอให้หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรบ 16 ล้านสี ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล
วัสดุตัวเครื่องให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแขึง มีเซ็นเซอร์พื้นฐานมาให้ครบ เช่น ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือและเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง เป็นต้น
สำหรับรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ สีดำ, สีเขียว, สีฟ้าและสีม่วง ถือว่ามีใครเลือกหลากหลายสีเลยทีเดียว ใครชอบสีไหนเลือกได้ตามใจชอบเลย
รุ่นนี้รองรับแค่ 4G ไม่รองรับ 5G ใช้ซิมแบบ Nano SIM ให้ระบบปฏิบัติการมาเป็น XOS 6.2 based on Android 11 (Go Edition)
ให้หน่วยประมวลผล (CPU) เป็น Mediatek Helio A35 Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.0 GHz และให้หน่วยประมวลผลกราฟฟิก (GPU) เป็น PowerVR GE8320 ให้หน่วยความจำ RAM 2GB, ROM 32 GB สามารถใส่หน่วยความจำภายนอกหรือ MicroSD card ได้สูงสุถึง 512GB เลยทีเดียว
รองรับ Bluetooth 5.0, USB Type-C 2.0 และมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาให้
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Infinix Smart 6 ให้กล้องหลัง 8MP มี AI lens มีให้ด้วย ส่วนกล้องหน้าให้มา 13MP ส่วนในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นเจ้าตัวนี้ให้ความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 5,000 mAh ไม่รองรับการชาร์จไว
มือถือรุ่นนี้เหมาะสำหรับคนใช้งานทั่วๆไป โทรเข้าโทรออก ดูหนังฟังเพลง หากจะนำไปเล่นเกมคงเล่นได้แค่เกมพื้นฐานทั่วๆไป คงไม่เหมาะกับเกมที่หนักๆ ใช้กราฟฟิกเยอะๆ
ราคา 3,199 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 7
OPPO A53
สำหรับ OPPO A53 ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า OPPO A53 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 3 เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint), จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีเขียวและสีฟ้า มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
OPPO A53 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS 7.2 based on Android 10 ให้ชิปเซตเป็น Qualcomm Snapdragon 460 Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 1.8GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น Adreno 610 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4 GB และให้ ROM 64/128GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 256GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.0, USB Micro 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง OPPO A53 ให้กล้องหลังมา 13MP+ 2MP (Marco) + 2MP (Bokeh) (Triple Camera) กล้องหน้า 16MP
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W (Fast Charging)
ราคา
รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ราคา 5,499 บาท (ราคาเกิน 5000 มานิดหน่อย)
รุ่น RAM 4GB + ROM 128GB ราคา 6,499 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 6
Infinix HOT 11
สำหรับ Infinix HOT 11 ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า Infinix HOT 11 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.6 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือ, จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 4 สี คือ สีดำ, สีเขียว,สีฟ้าและสีม่วง มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM
Infinix HOT 11 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ XOS 7.6 based on Android 11Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Helio G70 Octa Coreให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.0GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น Mali-G52 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4 GB และให้ ROM 64GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 256GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.0, USB Type-C 2.0 และมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Infinix HOT 11 ให้กล้องหลังมา 13MP + 2MP (Depth) กล้องหน้า 8MP
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,200 mAh ไม่มีระบบชาร์จเร็ว
ราคา 4,499 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 5
Samsung Galaxy A03s
สำหรับ Samsung Galaxy A03s ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า Samsung Galaxy A03s ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ TFT PLS 24-bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือ, จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีฟ้า มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
Samsung Galaxy A03s มาพร้อมระบบปฏิบัติการ One UI 3.1 based on Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Helio P35 Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.35GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น PowerVR GE8320 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4 GB และให้ ROM 64GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 1TB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.0, USB Type-C 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Samsung Galaxy A03s ให้กล้องหลังมา 13MP + 2MP (Marco) + 2MP (Depth) (Triple Camera) กล้องหน้า 5MP
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 15W (Fast Charging)
ราคา 4,299 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 4
Redmi 10
สำหรับ Redmi 10 ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า Redmi 10 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 3 เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint), จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี คือ สีขาว, สีฟ้าและสีเทา มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM
Redmi 10 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MIUI 12.5 based on Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Helio G88 Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.0GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น Mali-G52 MC2 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4/6 GB และให้ ROM 64/128GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 512GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.1 USB Type-C USB 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Redmi 10 ให้กล้องหลังมา 50MP + 8MP (Ultrawide) + 2MP (Macro) + 2MP (Depth) (Quad Camera) กล้องหน้า 8MP ถือให้มาเหมาะสมกับราคา หากใครอยากได้กล้องเทพๆกว่านี้ คงต้องขยับราคาเพิ่มอีกนิด
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W (Fast Charging)
ราคา 4,999 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 3
OPPO A15
สำหรับ OPPO A15 ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า OPPO A15 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.52 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint), จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีเงิน มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
OPPO A15 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS 7.2 based on Android 10.0 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Helio P35 Octa Core ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 3 GB และให้ ROM 32GB , ROM 0KB : UFS 0 สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 256GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.0, USB Micro 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง OPPO A15 ให้กล้องหลังมา 13 MP + 2MP (Macro) + 2MP (Depth) (Triple Camera) กล้องหน้า 8MP ถือให้มาเหมาะสมกับราคา หากใครอยากได้กล้องเทพๆกว่านี้ คงต้องขยับราคาเพิ่มอีกนิด
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 4,230 mAh
ราคา 4,699 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 2
Infinix HOT 10S
สำหรับ Infinix HOT 10S ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า Infinix HOT 10S ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.82 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 720 x 1640 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint), จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 4 สี คือ สีดำ, สีเขียว, สีฟ้าและสีม่วง มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับได้แค่ 4G ส่วน 5G ไม่ได้รองรับ ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
Infinix HOT 10S มาพร้อมระบบปฏิบัติการ XOS 7.6 base on Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Helio G85 Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.0GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น Mali-G52 MC2 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4/6 GB และให้ ROM 64/128GB สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 512GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.0, USB Micro 2.0, รองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive ได้โดยตรงและมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง Infinix HOT 10S ให้กล้องหลังมา 48MP + 2MP (Depth) + AI (Triple Camera) กล้องหน้า 8MP
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 6,000 mAh
ราคา
รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ราคา 4,199 บาท
รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 4,999 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
อันดับที่ 1
POCO M3 Pro 5G
ในที่สุดก็มาถึงอันดับที่ 1 สำหรับ 10 มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2021 อันดับที่ 1 ก็คือ POCO M3 Pro 5G
สำหรับ POCO M3 Pro 5G ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมานี่เอง และได้มีการเปิดวางจำหน่ายที่ไทยแล้วด้วย
มาดูกันว่า POCO M3 Pro 5G ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มที่จอแสดงผล ให้มาที่ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ IPS-LCD 24bit รองรับ 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล สเปคแค่นี้ถือว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วๆไป รุ่นนี้สบายมาก
สำหรับวัสดุตัวเครื่องจะให้มาเป็นกรอบพลาสติก หน้าจอกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 3 เซนเซอร์ก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Fingerprint Under Display), จดจำใบหน้า, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ระบบเปิดปิดหน้าจอขณะสนทนา, เซ็นเซอร์หมุนภาพและเซ็นเซอร์ปรับมุมมองการแสดงผลอัตโนมัติ
ในเรื่องของสี รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีเหลืองและสีฟ้า มาดูในเรื่องการสื่อสารกันบ้าง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับ 5G ใช้ซิมแบบ Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด
POCO M3 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MIUI 12 base on Android 11 ให้ชิปเซตเป็น Mediatek Dimensity 700 5G Octa Core ให้ความเร็วสูงสุดที่ 2.2GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกให้มาเป็น Mali-G57 MC2 ในส่วนของหน่วยความจำเจ้าตัวนี้ให้ RAM 4/6GB และให้ ROM 64/128GB : UFS 2.2 สามารถใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 512GB
สำหรับระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จะมีรองรับ Bluetooth 5.1, รองรับ NFC (Near Field Communication), USB Type-C 2.0 และมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย
มาดูในส่วนของกล้องกันบ้าง POCO M3 Pro 5G ให้กล้องหลังมา 48 MP + 2MP (Macro) + 2MP (Depth) (Triple Camera) กล้องหน้า 8MP
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W (Fast Charging)
ราคา
รุ่นความจุ 4GB+64GB ราคา 4,999 บาท
รุ่นความจุ 6GB+128GB ราคา 5,999 บาท
*** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโปรดเช็คราคาที่หน้าร้านอีกครั้ง
จบไปแล้วกับ 10 มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2021 เป็นยังไงกันบ้าง มีรุ่นที่ถูกใจกันไหมเอ่ย
ที่มา siamphone